พอพูดถึงเรื่องวางแผนการเงิน หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องยาก

ซับซ้อน ต้องใช้ความรู้เชิงเทคนิคมากมาย

แต่จริงๆ แล้ว การวางแผนการเงิน มันมีจุดเริ่มต้นง่ายๆ

อย่างเรื่องราวของ Steve Adcock อดีตมนุษย์เงินเดือน

ที่เกษียณจากงานประจำได้ตั้งแต่อายุ 35 ปี และปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาด้านการวางแผนการเงิน

Steve มีจุดเริ่มต้นจากสิ่งง่ายๆ ไม่ซับซ้อน และทำได้ทันที

นั่นคือการ "ควบคุมค่าใช้จ่าย" เพื่อช่วยอุดรูรั่วทางการเงิน

โดยเขาแนะนำให้เลี่ยง 7 ค่าใช้จ่ายที่เรามักนึกไม่ถึง ดังนี้

1.กินข้าวนอกบ้าน

Steve และ Courtney Adcock สองสามีภรรยาเล่าว่า พวกเขาเสียเงินไปกับการกินข้าวนอกบ้าน เฉลี่ย 750 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน (ประมาณ 25,287 บาท) ขณะที่ EDGE by KKP พบข้อมูลในไทยว่า นักศึกษาและพนักงานที่มีรายได้ระหว่าง 20,001-50,000 บาท/เดือน จะชอบกินข้าวนอกบ้านมากที่สุด (มากกว่า 1-2 ครั้ง/เดือน) โดยมีค่าใช้จ่ายราว 300 บาท/คน/มื้อ หรือมากกว่า

เมื่อรวมค่าใช้จ่ายในการกินข้าวนอกบ้านตลอดทั้งปี ก็เป็นเงินจำนวนพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งเราจะประหยัดได้มากขึ้น ถ้าสามารถเตรียมอาหารเองได้ แล้วเปลี่ยนเป็นการให้รางวัลตัวเอง ด้วยการออกไปกินข้าวนอกบ้านเป็นครั้งคราว หรือในโอกาสพิเศษ

2.เปลี่ยนมือถือใหม่ตามกระแส ไม่วางแผนการเงิน

สมาร์ทโฟนแบรนด์ดังเพิ่งออกรุ่นใหม่ ก็ใจเย็นไว้ก่อน โดยทั้งคู่ใช้มือถือรุ่นเดิมนานถึง 4 ปี และเมื่อมันมีอาการเสีย ก็จะเอาไปลองซ่อมดูก่อน จึงช่วยให้ประหยัดเงินได้หลายร้อยดอลลาร์สหรัฐฯ หรือหลักหมื่นบาทเลยทีเดียว เพราะ Steve มองว่า แม้ว่ามันจะออกรุ่นใหม่ แต่ก็ไม่ได้มีผลกับการเปลี่ยนแปลงชีวิต แทนที่จะซื้อสมาร์ทโฟนที่มูลค่าลดลงทุกปี ควรวางแผนการเงิน ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นดีกว่า

3.ซื้อเสื้อผ้าใหม่ตามเทรนด์

เทรนด์ฟาสต์แฟชันของเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายต่างๆ มาเร็วไปเร็วยิ่งกว่าสมาร์ทโฟนเสียอีก ดังนั้นก่อนที่จะซื้ออะไรซักอย่าง ลองถามตัวเองว่าเราต้องการมันจริงๆ หรือไม่? กฎของทั้งคู่คือ ซื้อเฉพาะเสื้อผ้าที่จำเป็นเท่านั้น และจะใส่จนกว่ามันจะขาด สกปรก หรือใส่ไม่ได้อีกต่อไป ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะซื้อเสื้อผ้าเพียง 2-3 ครั้งต่อปี ในงบประมาณ 50-100 ดอลลาร์สหรัฐฯ (1,600-3,300 บาทเท่านั้น)

4.สลากกินแบ่งรัฐบาล/ลอตเตอรี่

รู้ทั้งรู้ว่ามีโอกาสถูกรางวัลน้อยมาก แต่ก็หยุดซื้อไม่ได้ เพราะหวังเล็กๆ ว่าตัวเองจะเป็นผู้โชคดี นี่คือกับดักของค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งเมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น กองทุนรวม หุ้น ฯลฯ ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่แน่นอนกว่าการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือลอตเตอรี่ซะอีก แม้ว่าการซื้อครั้งหนึ่งจะใช้เงินไม่มาก แต่เมื่อรวมกันตลอดทั้งปี ก็เป็นเงินก้อนได้เลยนะ

5.ขยายเวลารับประกันสินค้าโดยไม่จำเป็น

Steve เล่าว่า ธุรกิจการรับประกันสินค้าเติบโตอย่างมากในสหรัฐฯ เพราะผู้บริโภคมักจ่ายเงินเกินจริง เพื่อขยายระยะเวลารับประกันสินค้า เนื่องจากพวกเขาประเมินสูงเกินจริงว่าสินค้าที่ซื้อมา “จะต้องซ่อมแซมบ่อยครั้ง” ซึ่งในความเป็นจริงแล้วแทบจะไม่ได้ใช้สิทธิ์การรับประกันนั้นเลย Steve จึงแนะนำว่าถ้าอยากจะซื้อประกันสินค้า ให้เช็กเงื่อนไขให้ดีว่าคุ้มครองได้ครอบคลุมหรือเปล่า หรือบัตรเครดิตที่เราถือก็มีสิทธิประโยชน์นี้อยู่แล้ว และทางที่ดีควรตัดสินใจซื้อสินค้าคุณภาพสูงตั้งแต่แรก เพราะมีโอกาสพังน้อยกว่า ทำให้ประหยัดเงินค่าประกันสินค้า แล้วเก็บเงินส่วนนั้นไว้เป็นค่าซ่อมแซมเมื่อมันพังจริงๆ จะดีกว่า

6.ค่าเคเบิลทีวี/สตรีมมิ่ง

ทุกวันนี้มีสตรีมมิ่งออนไลน์สารพัดแพลตฟอร์มให้เราเลือก ไม่ว่าจะเป็นดูหนัง ซีรีส์ การ์ตูน ฟังเพลง แต่เคยสังเกตไหมว่าเรามักจะเข้าไปดูจริงๆ แค่ไม่กี่แพลตฟอร์ม ดังนั้นถ้าจ่ายเงินสมัครไว้หลายแห่ง ควรยกเลิกแพลตฟอร์มที่ไม่ค่อยได้ใช้บริการ นอกจากนี้ยังรวมถึงสมาชิกช่องเคเบิลทีวีต่างๆ ด้วย ซึ่งสำหรับ Steve และภรรยาเลือกสมัครสมาชิกสตรีมมิ่งเพียงแพลตฟอร์มเดียวเท่านั้น

7.การซื้อของตามอารมณ์

หลีกเลี่ยงการซื้อเพราะอยากได้ ซื้อเพราะลดราคา หรือของมันต้องมี ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะได้ใช้มันจริงๆ หรือเปล่า และเมื่อเราเริ่มคิดได้ ความพึงพอใจในของชิ้นนั้นก็แทบจะหมดไปในทันที ครั้งต่อไปก่อนจะเสียเงินไปกับอะไรซักอย่าง ควรมีเหตุผลที่จำเป็นอย่างน้อย 1 ข้อ ไม่อย่างนั้นสุดท้ายแล้วเราจะมีของที่ไม่จำเป็นกองเต็มบ้านไปหมด การวางแผนการเงินอาจล้มเหลว หรือไปถึงเป้าหมายช้า

อ้างอิง

ลงทุนกับ EDGE ผ่านแอป KKP MOBILE สะดวกสบาย
ถ้ายังไม่มีแอปฯ ดาวน์โหลดได้เลยที่

เทคนิควางแผนการเงิน ของ EDGE ที่น่าสนใจ