DCA คืออะไร
DCA ย่อมาจาก Dollar-Cost Averaging เป็นกลยุทธ์การลงทุนแสนง่ายที่สนุกเหมือนกับการเล่นเกม เปรียบเสมือนนักสู้ที่ต้องเผชิญหน้ากับตลาดทุก ๆ เดือนโดยไม่ต้องคำนึงถึงราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ ณ เวลานั้น ๆ แต่มุ่งเน้นสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว
แต่นักสู้ เอ๊ย นักลงทุนที่ได้ลองมาเริ่ม DCA ก็อาจจะเกิดคำถามคล้าย ๆ กันได้ว่า “ควรลงทุนเดือนละเท่าไหร่ดี ?”
แต่ก่อนที่เราจะตอบคำถามนี้ได้ อย่างแรกที่เราควรทำเลยก็คือ “การตั้งเป้าหมาย” ซึ่งเราจะมาตั้งกันว่าการ DCA นี้เป็นการลงทุนว่าเพื่ออะไร ? เช่น
- เพื่อใช้จ่ายในยามเกษียณตอนอายุ 60 ปี
- เพื่อเริ่มทำธุรกิจส่วนตัว 10 ปีข้างหน้า
- เพื่อจัดงานแต่งงาน 3 ปีข้างหน้า
หลังจากได้เป้าหมายแล้ว เราก็จะมาลงรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อคำนวณกัน เพื่อที่จะทำให้เป้าหมายเหล่านั้นเป็นจริงได้ เราต้องมียอดเงินรวมถึงเท่าไหร่ ณ วันนั้น ๆ
- กำหนดจำนวนเงินที่ต้องการลงทุน เช่น 10% 20% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจำเป็น หรือกำหนดจำนวนเงินคงที่ในแต่ละเดือน
- เลือกประเภทสินทรัพย์ หรือกองทุนรวมที่เราต้องการตามอัตราผลตอบแทนต่อปี หรือระดับความเสี่ยงที่รับได้
แต่ แต่ แต่ ข้อสำคัญของการ DCA ที่ทุก ๆ ห้ามลืมกันเลยก็คือ “สม่ำเสมอ และมีวินัย” หากขาดส่วนนี้ไป เป้าหมายของเราก็อาจจะไปไม่ถึงกันเลย
ซึ่งวันนี้ EDGE Invest จะมายกตัวอย่างกันให้เห็นภาพสักเป้าหมายหนึ่ง เอาเป็นเป้าหมายของเราคือ “เพื่อใช้จ่ายในยามเกษียณตอนอายุ 60 ปี”
แต่ก่อนจะ DCA แบบโปรๆไปดาวน์โหลดแอป KKP MOBILE กันก่อนเลยที่
สมมติว่า
- ตอนนี้มีอายุ 30 ปี
- อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์อยู่ที่ 80 ปี = เท่ากับว่าเราจะต้องเตรียมเงินไว้สำหรับใช้จ่ายไปอีก 20 ปี
- เกษียณตอน 60 ปี = เรามีเวลา 30 ปี หรือ 360 เดือนในการ DCA
- ตอนเกษียณคาดหวังว่าจะใช้เงินเดือนละ 30,000 บาทต่อเดือน = 7,200,000 บาทไว้ใช้ในยามเกษียณ
- อัตราผลตอบแทน(ที่คาดหวัง) 5% ต่อปี
ดังนั้น เพื่อให้มีเงิน 7.2 ล้านบาทเพื่อใช้ในยามเกษียณ เมื่อคำนวณแล้ว เราควรลงทุนด้วยเงิน 8,820 ต่อเดือน
แล้วถ้าเราเริ่ม DCA เร็วมากขึ้นล่ะ จะเป็นอนย่างไร
เช่น เริ่มตอนอายุ 25 ปี เราก็จะมีเวลาสะสมความมั่งคั่งเพิ่มมากขึ้นมาถึง 5 ปีเลยทีเดียว สำหรับบางคนอาจจะบอกว่าแค่ 5 ปีเอง แต่ 5 ปีนี้เท่ากับ 60 เดือน เราสามารถ DCA ได้เพิ่มมากขึ้นถึง 60 ครั้ง และเมื่อคำนวณแล้ว ถ้าจะไปถึงเป้าหมายในระยะเวลา 35 ปี เราก็จะลงทุนด้วยเงิน 6,500 ต่อเดือนเท่านั้น
แล้วถ้าเรารับความเสี่ยงในการลงทุนได้มากขึ้นล่ะ จะเป็นอย่างไร
เช่นมีอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง 8% ต่อปี และเริ่มในอายุ 25 ปี เราจะใช้เงินแค่ 3,350 ต่อเดือนเท่านั้นเอง !
เมื่อลองดูจากตัวอย่างแล้ว เราจะพบว่า
อัตราผลตอบแทน และระยะเวลาเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบจำนวนเงินที่เราจะต้อง DCA เป็นอย่างมาก
เพราะต่างกันแค่ไม่กี่ปี หรือผลตอบแทนต่างกันแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์จำนวนเงินกลับต่างกันถึงหลักพัน
ดังนั้น ยิ่งเริ่มเร็ว ก็ยิ่งดี!
แล้วควรเลือกลงทุนอะไรดี ถึงจะช่วยให้เราไปตามเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น เมื่อคำนึงถึงเป้าหมายแล้ว กองทุนรวมที่เราเลือกลงทุนก็มีส่วนช่วยเช่นกัน
เช่น หากตั้งเป้าหมายว่าลงทุนเพื่อใช้จ่ายยามเกษียณ กองทุนรวมที่เหมาะเลยคงหนีไม่พ้นกองทุนรวมที่สนับสนุนการออม เช่นกองทุนรวม SSF RMF และน้องใหม่อย่าง Thai ESG ที่เป็นส่วนช่วยให้เรามีวินัยการลงทุน ไม่เผลอขายกองทุนรวมออกมาก่อนกำหนด แถมยังช่วยให้เราสิทธิประโยชน์สำหรับการลดหย่อนภาษีอีกด้วย
หรือหากเป็นเป้าหมายการลงทุนที่ไม่ถึง 7 หรือ 8 ปีข้างหน้า เช่น วางแผนแต่งงานในอีก 5 ปี การลงทุนในกองทุนรวม SSF RMF และ Thai ESG อาจไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่นัก เนื่องจากกองทุนรวมเหล่านี้จะต้องถือให้ครบระยะเวลาจึงจะสามารถขายออกได้ และปัญหาถัดมาที่หลาย ๆ ท่านอาจเจอกัน นั่นก็คือ ลืม DCA ในเดือนนั้น ๆ ! ซึ่งอาจทำให้เราพลาดโอกาสการลงทุนไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพราะ Edge Invest มี Feature DCA ที่เราสามารถตั้งค่าให้ระบบส่งคำสั่งซื้ออัตโนมัติให้เป็นประจำทุก ๆ เดือนได้นั่นเอง สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://edge.co.th/article/53
ทั้งนี้การเลือกลงทุน ควรกำหนดเป็นจำนวนเงินที่ไม่ทำให้เราเสียสภาพคล่องทางการเงิน และควรศึกษาทำความเข้าใจในกองทุนรวมนั้น ๆ ให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน