Home
/Product
/Promotion
/Article
/Help
นักลงทุนมักซื้อหุ้นด้วยการคาดหวังถึงผลตอบแทน 2 ประเภท
1. เชื่อว่าราคาหุ้นจะสูงขึ้นและสามารถขายทำได้กำไร
2. ตั้งใจที่จะเก็บเงินปันผลที่จ่ายให้กับหุ้นเป็นรายได้จากการลงทุน
แน่นอนว่า หุ้นบางตัวสามารถตอบโจทย์ทั้ง 2 อย่างได้ (บางตัวก็ไม่)
อยากซื้อขายหุ้นไทยรายตัว
แนะนำดาวน์โหลด EDGE บนแอป KKP MOBILE โดยคลิก Banner ด้านล่างนี้
แต่จริงแล้วนั้นขึ้นอยู่กับว่าหุ้นของบริษัทดังกล่าวนั้นถูกจัดเป็นหุ้นประเภทอะไร
ซึ่งโดยมากแล้วแบ่งเป็นสามประเภท ได้แก่ หุ้นเติบโต หุ้นคุณค่า และหุ้นปันผล
ผู้ที่เข้าใจลักษณะของหุ้นแต่ละประเภทก็จะสามารถนำไปพัฒนาพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หุ้นเติบโตคือหุ้นของบริษัทที่มีศักยภาพสูงในการเติบโตในอนาคต หุ้นเติบโตจะมีอัตราการโตที่เร็วกว่าตลาดโดยรวม และบริษัทประเภทนี้มักจะใช้รายได้ส่วนใหญ่เพื่อขยายธุรกิจต่อไป ทุกธุรกิจมีบริษัทประเภทนี้เสมอ แต่มักจะพบได้ธุรกิจ เช่น เทคโนโลยี เทคโนโลยีชีวภาพ และพลังงานทางเลือก
หุ้นเติบโตส่วนใหญ่มักจะเป็นบริษัทใหม่ที่มีนวัตกรรมที่คาดว่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอนาคต แต่ก็มีบางบริษัทที่มีการเติบโตสูง จากโมเดลธุรกิจที่ดีและสามารถสร้างกำไรจากการการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
หุ้นเติบโตสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูง แต่หุ้นประเภทนี้ส่วนใหญ่มักมีขนาดเล็กกว่าทั่วไปและมีความมั่นคงน้อยกว่า ซึ่งอาจให้ผลตอบแทนที่ติดลบได้รุนแรงเช่นกัน
หุ้นคุณค่าหรือหุ้นแวลู คือหุ้นที่ซื้อขายในราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น โดยประเมินจากสถานะทางการเงินและทางเทคนิค อาจสังเกตหุ้นประเภทนี้ได้จากอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูง หรืออัตราส่วนทางการเงินต่ำ เช่น P/B หรือ P/E ซึ่งราคาหุ้นอาจลดลง เนื่องจากปัจจัยที่ส่งผลเล็กน้อยกับการดำเนินงานในปัจจุบันของบริษัท แต่นักลงทุนกลับเทขายแรงกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น โดยจากข้อมูลในอดีตบริษัทที่ถูกประเมินมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมักจะให้ผลกำไรที่ดีในระยะยาว
ตัวอย่างเช่น ราคาหุ้นของบริษัทที่ดำเนินกิจการมาอย่างดีและมีฐานะทางการเงินที่ดีอาจลดลงอย่างมาก ในช่วงเวลาสั้นๆ จาก CEO ของบริษัทเข้าไปพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวส่วนตัวที่ร้ายแรง นักลงทุนทิ่วิเคราะห์ได้ว่านี่อาจเป็นจังหวะที่ดีในการซื้อหุ้น เนื่องจากมีโอกาสที่สุดท้ายแล้วคนจะลืมเหตุการณ์นี้ไปในที่สุด และราคาอาจกลับไปสู่ระดับก่อนหน้า
แน่นอน คำจำกัดความของมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้น นั้นค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่แต่ละคนอาจมองต่างกันไปตามปรัชญาและมุมมอง โดยทั่วไปแล้วหุ้นแวลูจะถือว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นเติบโต เนื่องจากหุ้นเหล่านี้มักจะเป็นหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ราคาของหุ้นเหล่านี้เมื่อปรับลงแล้วอาจไม่ได้กลับไปสู่ระดับก่อนหน้าเสมอไป
นักลงทุนบางคนอาจมองหาหุ้นที่มอบรายได้สม่ำเสมอเพื่อเสริมพอร์ตการลงทุนด้วยอัตราเงินปันผลตอบแทนที่สูงกว่าตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือเงินฝากประจำ
1. หุ้นสาธารณูประโภคมักมีราคาค่อนข้างคงที่ในอดีต และมักจะจ่ายเงินปันผลในระดับที่น่าสนใจ
2. หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred stock) เป็นหลักทรัพย์ลูกผสมที่มีลักษณะเหมือนพันธบัตรมากกว่าหุ้น
แม้ว่าหุ้นปันผลจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการเสี่ยงเงินลงทุนมากนัก แต่มูลค่าของหุ้นอาจลดลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น
หุ้นคือการลงทุนที่ช่วยสร้างผลตอบแทนจากการเติบโตในอนาคต การประเมินมูลค่าต่ำในปัจจุบัน หรือรายได้จากเงินปันผล โดยในการลงทุนจริงหุ้นบางตัวอาจมอบคุณลักษณะที่หลายประเภทเข้าไป สิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรรู้คือการจ่ายเงินปันผลนั้นมีผลต่อการสร้างผลตอบแทนโดยรวมในระยะยาวเป็นอย่างมาก